พ่อแม่ลูกเบบี๋ นอนด้วยกันดีไหม? Co-sleeping ข้อดีและข้อควรระวัง

พ่อแม่ลูกเบบี๋ นอนด้วยกันดีไหม? Co-sleeping ปัญหาที่พ่อแม่มือใหม่สงสัยกันมากในปี 2025

ถ้าเป็นคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ เชื่อว่าหลายบ้านต้องเคยเจอคำถามนี้แน่นอน ลูกควรนอนห้องเดียวกับพ่อแม่ไปเลย หรือควรให้แยกเตียงตั้งแต่เล็ก? บางบ้านก็ชอบให้ลูกนอนข้าง ๆ เพราะอุ่นใจ ดูแลง่าย บางบ้านก็อยากให้ลูกได้ฝึกนอนคนเดียว จะได้มีพื้นที่ส่วนตัว แล้วตกลงอะไรคือ ทางที่ถูกต้อง กันแน่?

ทำไมเรื่องนี้ถึงถูกพูดถึงมาก

ในสังคมไทย การนอนกับลูกถือเป็นเรื่องปกติ แถมยังทำให้รู้สึกว่าครอบครัวอบอุ่น แต่พอถึงวัยลูกเริ่มโต หลายครอบครัวก็เจอปัญหาใหม่ เช่น ลูกติดเตียงพ่อแม่เกินไป ไม่ยอมไปนอนห้องตัวเอง หรือพ่อแม่เองก็พักผ่อนไม่เต็มที่

ข้อดีของการนอนร่วม (Co-sleeping)

• พ่อแม่ดูแลลูกได้ง่าย โดยเฉพาะตอนกลางคืน
• ลูกเล็ก ๆ รู้สึกปลอดภัย อุ่นใจ
• การให้นมกลางคืนสะดวกขึ้น

ข้อที่ต้องคิดต่อ ถ้านอนร่วม เกินวัย

• เด็กอาจนอนหลับไม่สนิทตลอดคืน
• พ่อแม่ก็พักผ่อนไม่เต็มที่เหมือนกัน
• ลูกบางคนโตแล้วอาจติดการนอนกับพ่อแม่ ทำให้ยากเวลาย้ายไปนอนคนเดียว

อีกหนึ่งทางเลือก: ใช้เตียงเด็กอ่อนวางข้างเตียงแม่

สำหรับบ้านที่อยากได้ทั้งความใกล้ชิดและความปลอดภัย การใช้ เตียงเด็กอ่อนแบบวางข้างเตียงแม่ (Bedside crib / Co-sleeper) เป็นตัวช่วยที่ดีมาก

• ลูกยังอยู่ใกล้ ๆ พ่อแม่ ดูแลและให้นมกลางคืนได้สะดวก
• ลดความเสี่ยงเรื่องพื้นที่คับแคบบนเตียงใหญ่ ทำให้ลูกนอนสบายขึ้น
• เป็น ขั้นบันไดกลาง ให้ลูกเริ่มคุ้นพื้นที่นอนของตัวเอง ก่อนย้ายไปนอนห้องแยก

แล้วควรทำยังไงดี?

จริง ๆ ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว สิ่งสำคัญคือดูตามความพร้อมของลูกและครอบครัว เช่น

• ถ้าลูกยังเล็กและต้องตื่นบ่อย การนอนร่วมจะช่วยให้ดูแลง่ายขึ้น
• ถ้าเริ่มโตแล้ว ค่อย ๆ ฝึกให้ลูกนอนเตียงของตัวเอง (จากเตียงเด็กติดข้างเตียงแม่ เตียงในห้องเดียวกัน ค่อยย้ายไปอีกห้อง)

สรุป

การนอนรวมกันไม่ได้ผิดหรือถูก 100% อยู่ที่ความเหมาะสมของบ้านเราค่ะ บางบ้านเลือกนอนกับลูกจน 3-4 ขวบก็ยังโอเค บางบ้านอยากให้ลูกฝึกนอนเองเร็วหน่อยก็ไม่ผิดเช่นกัน สำคัญที่สุดคือ คุณภาพการนอน ของทั้งลูกและพ่อแม่

แล้วแต่ละบ้าน ตอนนี้น้องนอนแบบไหนกันอยู่? มาแชร์กันได้นะคะ เผื่อเป็นกำลังใจให้พ่อแม่มือใหม่บ้านอื่นด้วยค่ะ